"ภัยพิบัติ"
รู้จริง รู้รอบ ปลอดภัย
นับจากวันนี้มนุษย์จะไม่ได้อาศัยอยู่ในโลกใบที่คุณคุ้นเคยอีกต่อไปเพราะโลกกำลังเกิดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ภัยธรรมชาติจะเกิดบ่อยครั้งและหนักขึ้นอาทิ เช่น สึนามิ แผ่นดินไหว ภัยแล้ง ไฟป่า พายุถล่ม ภูเขาไฟระเบิด น้ำท่วม จะเกิดบ่อยขึ้น ทุกวันนี้ผู้คนกำลังเผชิญกับภัยร้ายที่เกิดกำลังเกิดขึ้นกับโลกของเรา จนทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปอย่างมากมาย จะเห็นได้จากภัยพิบัติร้ายแรงจากหลายๆประเทศที่กำลังประสบอยู่ทั้งไฟไหม้ป่า แผ่นดินไหว ดินถล่ม น้ำท่วม พายุ รวมไปถึงสภาวะโลกร้อน ปัญหาที่หลาๆประเทศกำลังถกเถียงกันอยู่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใครเป็นผู้ทำลายมากที่สุด เรื่องเหล่านี้กำลังสะท้อน ให้เห็นว่า โลกของเรากำลังถูกทำลายจากสิ่งไหนกันแน่ จากธรรมชาติหรือว่าเกิดจากฝีมือมนุษย์เอง ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นนั้นมีผลกระทบมากมายและร้ายแรงจนเป็นภัยพิบัติที่สร้างความเดือดร้อนให้กับมนุษย์ทั้งชีวิตและทรัพย์สินและนับวันภัยเหล่านี้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆดังนั้นเราจึงควรที่จะต้องเรียนรู้และตระหนักกับเรื่องนี้กันอย่างจิงจังโดย สร้างความจิตสำนึกในการดูแล รักษาและหวงแหนธรรมชาติ ให้กับธรรมชาติ ให้กับลูกหลานนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ภาวะโลกร้อน (Global Warming)
“ ภาวะโลกร้อน ” เป็นสภาวะที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงศตวรรษที่แล้วโดยมีการตระหนักเรื่องนี้เป็นอย่างแท้จริงเมื่อประมาณช่วงค่อนศตวรรษที่ 20 เมื่อพบว่าอุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกนั้นสูงขึ้นในอัตราที่ทวีคูณขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยเป็นจนกระทั่งถึงช่วงเริ่มต้นศตวรรษ 21 อุณหภูมิของโลกก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นอีกการที่อุณหภูมิสูงขึ้นเร็วๆเช่นนี้สันนิษฐานว่าได้ว่าสภาพการณ์ของโลกในอนาคตมีแนวโน้มว่าจะว่าจะยิ่งร้อนขึ้นอีกในอัตราที่เพิ่มขึ้นเรื่อยหากไม่มีใครคิดที่จะลงมือทำอะไรให้เห็นผลสภาพการณ์นี้จึงส่งผลซึ่งเป็นสาเหตุให้ภูมอากาศเปลี่ยนแปลง ภาวะโลกร้อนอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำฝน ระดับน้ำทะเลและมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลก
ภาวะโลกร้อนเกิดจากการที่ปล่อยก๊าซพิษต่างๆ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน ฯลฯ จากโรงงาอุตสาหกรรมทั่วโลกทำให้แสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านชั้นบรรยากาศมาสู่โลกได้มากขึ้น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าสภาวะเรือนกระจกตัวการสำคัญในการทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกขึ้นไม่ว่าจะเกิดขึ้นโดยระบบอุตสาหกรรม เกษตรกรรม หรือกิจกรรมใดๆของมนุษย์กับธรรมชาติก็ตาม แต่สาเหตุนั้นก็เกิดขึ้นจากสาเหตุดังต่อไปนี้
1. จากการเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล( Fossil Feuel ) หรือพลังงานที่ได้จากการทับถมของซากพืชซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ในรูปแบบของถ่านหินและน้ำมันปิโตเลียม เช่น ในกิจการโรงงานต่างๆหรือจากการใช้ยวดยานพาหนะต่างๆที่ต้องใช้เชื้อเพลิงเป็นตัวขับดันให้เครื่องจักรทำงานการเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิงจากฟอสซิลเหล่านี้นี้จะส่งผลทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในปริมาณที่มากที่สุด
2. จากการทำกสิกรรม เกษตรกรรมต่างๆและการทำนาข้าวของมนุษย์กิจกรรมปกติของมนุษย์เพื่อการดำรงชีวิตให้อยู่รอดนั้นเช่นนี้ก็อาจจะก่อให้เกิดมลภาวะต่ออากาศ และเพิ่มปริมาณให้กับก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศเป็นปริมาณที่มากอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน การเผานาข้าวในการพลิกผืนดินเพื่อการปลูกข้าวแต่ละรอบฤดูการเพาะปลูก หรือการเพาะปลูกพืชไร่ตามแต่ละฤดูการของมนุษย์ อีกทั้งระบบอุตสาหกรรมการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรต่างๆก็ยังสามารถทำให้เกิดเป็นก๊าซเรือนกระจกในอัตราที่สูงได้เช่นกัน กลุ่มก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญซึ่งเกิดจากจากกระบวนการต่างๆที่นำมากล่าวถึงในที่นี้มี เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน และไนตรัสออกไซด์
3. จากอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์ เช่นเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น หรือวัสดุหีบห่อในประเภทโฟม และจากน้ำยาในอุปกรณ์ดับเพลิง เป็นต้น อุปกรณ์เหล่านี้ได้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดก๊าซคลอโรฟลูโอโรคาร์บอน หรือมักที่รู้จักกันในชื่อสาร CFC นอจากจะเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจก ยังเป้นตัวการในการทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศที่คอยปกป้องโลกจากรังสีอุตราไวโอเล็ตให้หมดไปอีกด้วย
ตัวการที่สำคัญที่กล่าวมาที่เป็นสาเหตุทำให้โลกร้อนอีกอย่างอาจเป็น มนุษย์ ที่เป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ แต่ในขณะเดียวกันนั้น การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างฟุ่มเฟือย การไม่รักษาสิ่งแวดล้อมทำให้กระบวนการในการดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากระบบบรรยากาศถูกลดทอนประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบที่ตามมาอย่างมหาศาลทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสภาวะโลกร้อนก็เช่น น้ำแข็งที่ขั้วโลกเริ่มละลายส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดปัญหา เช่น น้ำท่วมอย่างรุนแรง น้ำเค็มทะลักเข้าสู่แหล่งน้ำจืด พื้นที่บริเวณ ชายฝั่งถูกกัดเซาะ เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศชายฝั่ง( ป่าชายเลน )
เกิดการเปลี่ยนแปลงทิศทางของกระแสลมและกระแสน้ำเป็นต้น
สภาวะอากาศเกิดการแปรปรวน เกิดพายุหมุนบ่อยครั้ง ฝนตกหนัก น้ำท่วมในหลายพื้นที่ เกิดไฟไหม้ป่า ทำให้หลายพื้นที่เกิดภาวะแห้งแล้งเพราะต้นไม้ในป่าถูกเผาทำลาย ก่อให้เกิดโรคระบาดเพราะระบบนิเวศเปลี่ยนแปลงไป เชื้อโรคเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสภาพแวดล้อมเหมาะแก่การฟักตัว และโรคระบาดที่เคยหายไปจะกลับมาแพร่เชื้ออีกครั้ง เช่น มาลาเรีย อหิวาตกโรค เป็นต้น
การดำเนินชีวิตเมื่ออยู่ในสภาวะโลกร้อน
1. ไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น การตัดไม้ทำลายป่า การเผาป่า เป็นต้น
2. รู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้คุ้มค่าและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3. เปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทน เช่น ไบโอดีเซล
4. ลดการใช้พลังงานในบ้าน เช่น โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
5. ขับรถให้น้อยลงเพื่อความประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย
6. เลือกใช้กระดาษรีไซเคิล
7. ปลูกต้นไม้อย่างน้อยคนละ 1 ต้น
8. เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
9. ใช้ถุงผ้าแทนการถุงพลาสติก
10. ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ควรใช้ปุ๋ยหมักจากพืชสัตว์
11. ควรใช้ชีวิตอย่างพอเพียงด้วยการตระหนักถึงการใช้ชีวิตอย่างมีสติ
12. ปลูกฝังให้คนในครอบครัวรักโลกและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ข้อดี สำหรับข้อดีของหนังสือภัยภิบัติ รู้จริง รู้รอบ ปลอดภัย หลังจากที่ได้อ่านทำให้ได้รู้ว่าเพราะตัวของมนุษย์เองนั้นทำให้โลกเรานั้นร้อนขึ้นเพราะการใช้ทรัพยากรที่ฟุ่มเฟือยไม่รู้จักประหยัดเเละไม่รู้จักทดธรรมชาติหลังจากที่นำทรัพยากรเหล่านั้นมาใช้เเล้วเเละยังทำให้รู้ว่าหากเราร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อทดแทนธรรมชาติเเล้วจะธรรมให้โลกของเรานั้นเย็นขึ้นกว่าเดิมเเละยังช่วยลดก๊าซที่ส่งผลเสียต่อโลกของเราอีกด้วยดังนั้นเพื่อความสดใสเเละความน่าอยู่ของโลกใบนี้เล้วเราจึงต้องช่วยกันลดโลกร้อนนะครับ
ข้อเสีย สำหรับข้อเสียของหนังสือเล่มนี้คือยังมีเนื้อหาความเป็นปัจจุบันไม่เพียงพอ
ข้อเสนอแนะ น่าจะปรับเพิ่มให้หนังสือมีความเป็นปัจจุบันมากขึ้นเเละเพิ่มความน่าสนใจให้กับหนังสือให้มากกว่านี้ด้วยทั้งในเรื่องของสีสันของหนังสือเเละความน่าสนใจของเนื้อหาด้วยเพื่อที่จะให้คนที่อ่านไม่เบื่อง่าย
บทความโดย นายมนูญ เเสวงวงค์ 5223411462
อ้างอิงจากหนังสือเรื่อง ภัยพิบัติ รู้จริง รู้รอบ ปลอดภัย
4 ความคิดเห็น:
ปรากฏการณ์โลกร้อน (อังกฤษ: global warming) คือปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยของผิวโลกและผืนมหาสมุทรสูงขึ้น โดยมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ เป็นตัวการกักเก็บความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้ไม่ให้คายออกไปสู่บรรยากาศสาเหตุมหันตภัยร้ายที่กำลังคุกคามโลกอยู่ขณะนี้ คือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ปริมาณมหาศาลที่มนุษย์เป็นผู้ก่อ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดจากฝีมือมนุษย์ทั้งนั้น
พวกเราต้องช่วยกันนะค่ะเพื่อลูกหลานของเราในอนาคต
ภัยธรรมชาติเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน
โลกร้อนไม่ใช่เรื่องไกลตัว ถ้าเราไม่เริ่มตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าโลกจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่
ทุกวันนี้ คุณทำอะไรให้โลกร้อนบ้าง...มาช่วยกันลดภาวะโลกร้อนกันดีกว่า
แสดงความคิดเห็น