บรรณาธิการ
ผศ.ปาริชาติ สุขุม
บรรณาธิการแปล
โลกที่กำลังร้อนระอุ
อากาศของโลกเราเป็นผลของจากความสมดุลที่แสนเปราะบางระหว่างการนำพลังงานมาใช้ กระบวนการทางเคมี และปรากฏการณ์ทางกายภาพบนดาวพระศุกร์อากาศจะร้อนจนเลือดของมนุษย์เดือด ส่วนบนดาวอังคารมนุษย์อาจแข็งตายได้ในทันที ความแตกต่างของอุณหภูมิเกิดขึ้นจากหลายองค์ประกอบทางเคมีที่แตกต่างกันออกไปอย่างมากในบรรยากาศของดาวเคราะห์แต่ละดวง
ดาวเคราะห์ทั้ง 3 ดวงนี้ ได้รับพลังงานแสงอาทิตย์ปริมาณมหาศาล แต่ปริมาณของพลังงานที่สะท้อนกลับไปสู่อวกาศในรูปของความร้อนขึ้นอยู่กับก๊าชชนิดต่างๆ ในบรรยากาศ ก๊าชบางชนิด เช่น คาร์บอนไดออกไซด์ และมีเทน มีแนวโน้มจะดูดเอาความร้อนในบรรยากาศชั้นต่ำไว้ในลักษณะเดียวกับที่กระจกเก็บกักความร้อนในเรือนกระจกและทำให้อุณหภูมิในนั้นสูงขึ้น
อุณหภูมิที่ร้อนแรงของดาวพระศุกร์เป็นผลผลิตของบรรยากาศซึ่งประกอบด้วยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์เสียเป็นส่วนใหญ่จนนำไปสู่ปรากฏการณ์เรือนกระจกที่ไม่มีการควบคุม ดาวอังคารนั้นมีก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าชเรือนกระจกอื่นๆ น้อยเกินกว่าจะก่อให้เกิดอุณหภูมิเหนือจุดเยือกแข็ง ในทางตรงกันข้ามโลกมีบรรยากาศที่มีไนโตรเจนเป็นหลัก มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียงร้อยละ 0.03 ซึ่งอาจจะแตกต่างกันออกไปเล็กน้อยตลอดระยะเวลาร้อยล้านปีที่ผ่านมา
ความคิดที่ว่ากิจกรรมของมนุษย์อาจทำให้ความเสียสมดุลที่ละเอียดอ่อนนี้เสียไปแล้ว เริ่มจากข้อเสนอของนักเคมีชาวสวีเดน ชื่อ สวันเต้ อาร์เรนนัส (Svante Arrhenius) ใน ค.ศ. 1986 ถ่านหินและเชื้อเพลิงที่มีองค์ประกอบของก๊าชคาร์บอน เช่น น้ำมันและก๊าชธรรมชาติ เมื่อเกิดการเผาไหม้จะปล่อยคาร์บอนออกมา อาร์เรนนัส ได้คิดทฤษฎีว่าการเพิ่มปริมาณการใช้ถ่านหินอย่างเร็วรวดในทวีปยุโรป ระหว่างยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ช่วยให้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นมากและเป็นสาเหตุให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น
แต่เราต้องการข้อเท็จจริงที่หนักแน่นมาสนับสนุนเพิ่มขึ้น นักศึกษาปริญญาโทหนุ่มคนหนึ่งชื่อ ชาร์ลส์ คีลลิ่ง (Charles Keeling) รับหน้าที่จัดตั้งสถานีวัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนภูเขาไฟฮาวายบนเกาะเมาน่า โอลา เพื่อทำการทดสอบอากาศที่ปราศจากมลพิษในใจกลางมหาสมุทรแปซิฟิก คีลลิ่งวัดได้ว่า ความเข้มข้นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศได้เพิ่มขึ้นจาก 315 ส่วนต่อ 1 ล้านส่วนใน ค.ศ. ใน 1958 เป็น349 ส่วนต่อ 1 ล้านส่วน หรือร้อยละ 10 นั้นเอง การวัดที่กระทำจากฟองอากาศที่ถูกเก็บไว้ในใจกลางภูเขาน้ำแข็งแสดงให้เห็นว่าความเข้มข้นของก๊าซขณะนี้สูงกว่าระดับความเข้มข้นสูงสุด ที่โลกเคยประสบมาในระหว่างแสนหกหมื่นปีที่ผ่านมา
การสำรวจทางดาวเทียม ความเข้าใจที่มีมากขึ้นเกี่ยวกับมหาสมุทรและตัวแบบสมองกลที่ทันสมัยมากขึ้น ได้ช่วยทำให้มีความเข้าใจลึกซึ้งขึ้นเกี่ยวกับการทำงานของพลังงานต่างๆ ที่ซับซ้อนในอากาศของโลกในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในแขนงวิชาที่ทำการทำนายอากาศล่วงหน้าเพียง 3 วันยังไม่สามารถกระทำได้อย่างแม่นยำ จึงไม่น่าประหลาดใจว่าการคาดหมายสภาพอากาศในระยะยาวจะไม่สามารถกระทำได้โดยการวิเคราะห์อย่างง่ายๆ เครื่องมือในการวิเคราะห์ที่ใช้ได้ผลมากที่สุด คือ แบบลำลองการถ่ายเทอากาศของโลก ซึ่งทำในเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ และประกอบด้วยสถานการณ์จำลองของปรากฏการณ์ของอากาศที่ซับซ้อนหลายแบบของสภาพอากาศของโลก ภายในต้นทศวรรษที่ 80 แบบจำลองเหล่านี้ได้ให้ข้อมูลที่ตรงกันที่แน่นอนว่า โลกจะร้อนขึ้นสักเท่าใดถ้าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปอีก 100 ปีข้างหน้า ซึ่งก็ใกล้เคียงกับคำทำนายของอาร์เรนนัสใน ค.ศ. 1894 อย่างน่าประหลาดใจ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างทศวรรษที่ 1980 เกิดข้อมูลใหม่ที่น่าหวั่นเกรงขึ้น สถานีวัดอากาศได้รายงานการเพิ่มขึ้นของปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่มีพลังงานสูงกว่าโดยเฉพาะก๊าซมีเทน สารประกอบไนโตรเจน และก๊าซคลอโรฟลูโอโรคาร์บอน (CFC) แม้ว่าก๊าซเหล่านี้แต่ละตัวจะมีอยู่แล้วในบรรยากาศ
ในปริมาณที่น้อยกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาก คุณสมบัติของการดูดซับความร้อนได้มากย่อมแสดงว่า เมื่อรวมกันแล้วการเพิ่มจำนวนก๊าซเหล่านี้ในบรรยากาศทำให้เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจกได้มากเท่าๆ กับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ยิ่งกว่านั้นก๊าซเหล่านี้ยังส่งเสริมซึ่งกันและกันและแต่ละประเภทมีแนวโน้มจะเก็บกักคลื่นกระจายรังสีความร้อนในระดับต่างๆกัน
ขณะนี้จึงปรากฏว่า โลกกำลังขึ้นในอัตรา 2 เท่าของที่คิดไว้เมื่อ 5 ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าภายใน ค.ศ. 2030 อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะอยู่ระหว่าง 3-8 องศาฟาเรนไฮต์สูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยระหว่าง ค.ศ. 1750 และ ค.ศ. 1980 หรือกว่าโลกร้อนกว่าที่โลกเคยเป็นมาก่อนเมื่อ 2 ล้านปีก่อนนี้
ทฤษฎีของนักเคมีชาวสวีเดนนั้นถูกละเลยมาถุงหกทศวรรษและมีสภาพเป็นเพียงความคิดทางวิชาการลอยๆ ในแง่หนึ่งไม่มีใครแน่ใจไดว่าความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นจริงๆๆ หรือไม่ ต่อมาในปี ค.ศ. 1957 สถาบันสมุทรศาสตร์สคริปป์ (Scripps Institute of Oceanography) มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำการศึกษาและเสนอแนะไว้ว่า ครึ่งหนึ่งของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาถูกกักไว้อย่างถาวรในบรรยากาศ การศึกษาบอกว่ามนุษย์ชาติกำลัง “ย่างก้าวเข้าสู่การทดลองทางภูมิกายภาพที่ยิ่งใหญ่
ทฤษฎีของนักเคมีชาวสวีเดนนั้นถูกละเลยมาถุงหกทศวรรษและมีสภาพเป็นเพียงความคิดทางวิชาการลอยๆ ในแง่หนึ่งไม่มีใครแน่ใจไดว่าความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นจริงๆๆ หรือไม่ ต่อมาในปี ค.ศ. 1957 สถาบันสมุทรศาสตร์สคริปป์ (Scripps Institute of Oceanography) มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำการศึกษาและเสนอแนะไว้ว่า ครึ่งหนึ่งของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาถูกกักไว้อย่างถาวรในบรรยากาศ การศึกษาบอกว่ามนุษย์ชาติกำลัง “ย่างก้าวเข้าสู่การทดลองทางภูมิกายภาพที่ยิ่งใหญ่
ข้อดี
ความมืดของยุคที่สังคมเลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วโดยผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงแบบต่างๆ ส่งผลสะเทือนถึงแทบทุกพื้นที่แห่งชีวิตของมนุษย์ ความรู้จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่มนุษย์ต้องการในทุกสังคมจำต้องใช้ เพื่อสามารถดำรงตนอยู่ในกระเเสเปลี่ยนแปลงทางสังคม เทคนิควิทยา และวิญญาณ
ความมืดของยุคที่สังคมเลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วโดยผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงแบบต่างๆ ส่งผลสะเทือนถึงแทบทุกพื้นที่แห่งชีวิตของมนุษย์ ความรู้จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่มนุษย์ต้องการในทุกสังคมจำต้องใช้ เพื่อสามารถดำรงตนอยู่ในกระเเสเปลี่ยนแปลงทางสังคม เทคนิควิทยา และวิญญาณ
ข้อเสีย
ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ นั้นมิได้เป็นปัญหาที่จำกัดโดยเส้นแบ่งพรมเเดนประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นปัญหาของภูมิภาคและโลกโดยส่วนรวมซึ่งมีผลกระทบถึงกันหมดไม่ว่าจะเป็นปัญหาสารพิษในอากาศ น้ำสกปรก น้ำขาดแคลน การทำลายป่า และอื่นๆ และประเทศที่มีลักษรธทางภูมิศาสตร์ สังคม เศรษฐกิจ คล้ายคลึงกันก็จะมีปัญหาในแบบเดียวกัน
ข้อเสนอแนะ
สังคมที่ยั่งยืนคือสังคมที่สามารถตอบสนองให้สมาชิกได้รับความพึงพอใจโดยไม่ทำอันตรายต่ออนาคตของสมาชิกรุ่นใหม่ๆ แต่น่าเสียดายที่ยังไม่มีตัวแบบของความยั่งยืนคงทนอยู่ในขณะนี้ ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ในหลายทศวรรษที่ผ่านมานี้ได้ตั้งความหวังที่จะมีระบบเศรษฐกิจที่เน้นการใช้รถยนต์ที่วิ่งด้วยพลังงานเชื้อเพลิงจากฟอสซิลหรือซากดึกดำบรรพ์ เช่น ถ่านหินและน้ำมัน แบบเดียวกันกับประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นปัญหามลพิษทางอากาศของภูมิภาค หรือปัญหาอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงต่างแสดงให่เห็นได้ชัดเจน สังคมเหล่านี้จะไม่คงทนและกำลังนำตนเองไปสู่อวสานอย่างรวดเร็ว
Book Review : โดย นายสรรพสิทธิ์ บุญไพโรจน์ รหัสนักศึกษา 5223401616
อ้างอิงจากหนังสือ วิกฤติโลก
4 ความคิดเห็น:
น่าสนใจมากเลยคร้าบบบบ
น่ากลัวจังมันรุนแรงกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย
ถ้าเราอยู่กับธรรมชาติอย่างเป็นมิตร คงจะไม่เกิด เหตุการณ์แบบนี้นะคับ
ช่วยกันลดโลกร้อน ด้วยมือของเราคับ ทุกท่าน
แสดงความคิดเห็น